ประสบการณ์เป็นรันเนอร์ในนิวซีแลนด์

แบ่งปัน

การทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศนิวซีแลนด์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และนักศึกษาส่วนใหญ่ล้วนทำควบคู่ไปกับการเรียนด้วย แต่การที่เราจะทำงานพาร์ทไทม์ควบคู่ไปกับการเรียนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการบริหารเวลาและความรับผิดชอบทั้งต่อการเรียนและการทำงาน

ผมเองนั้นก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ทำงานพาร์ทไทม์เป็น food runner…

ผมเริ่มทำงานเป็น food runner หรือพนักงานเสิร์ฟอาหาร เมื่อตอนต้นปี 2021 จนตอนนี้ก็ทำงานมาได้ 11 เดือนแล้ว ผมได้ทำงานที่ร้าน OSTRO ในเมือง Auckland ซึ่งอยู่ในเครือบริษัท Savor Group Limited ภายใต้การบริหารของบริษัทนี้มีร้านอาหารแยกย่อยต่าง ๆ มากมาย บางครั้งผมก็ต้องไปทำงานร้านอื่นที่อยู่ในเครือเดียวกัน เช่น Amano เป็นต้น

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าร้าน OSTRO เป็นร้านอาหารนานาชาติที่มีลักษณะกึ่งบาร์อยู่ในตัว โดยภายในร้านจะมีการแบ่งหน้าที่การทำงานกันอย่างชัดเจน เช่น waiter หรือพนักงานเสิร์ฟอาหารมีหน้าที่รับออเดอร์และดูแลลูกค้าภายในโซนของตัวเอง (ใน 1 โซนของร้านจะมีประมาณห้าถึงหกโต๊ะ) รวมทั้งเคลียร์อาหารและจัดโต๊ะเพื่อรอลูกค้ากลุ่มต่อไป Bartender หรือพนักงานบาร์เสิร์ฟเครื่องดื่ม มีหน้าที่ทำเครื่องดื่มต่าง ๆ รวมทั้งเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วย

ในขณะที่หน้าที่ของ food runner คือ เสิร์ฟอาหารจากครัวไปยังโต๊ะของลูกค้า คอยรันออเดอร์กับเชฟ และเช็คยอดรายการอาหารแต่ละอย่างอยู่ตลอดเวลา นอกเหนือจากหน้าที่บนฟลอร์ (ที่กล่าวมาข้างต้นคือหน้าที่ในส่วนของ front of house หรือภายในร้าน ) รันเนอร์มีหน้าที่หลังร้านคือ เช็ดจานอาหาร ช้อนส้อม และเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับคนอื่น ๆ เช่น คอยเช็คสต็อกของจำเป็นต่อการจัดโต๊ะอย่างทิชชู่ หรือผ้าเช็ดทำความสะอาด หรือกล่องอาหาร take away ซึ่งทุกอย่างต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเริ่มให้บริการทุกครั้ง

สืบเนื่องจากลูกค้าของร้านส่วนมากจะทำการ booking ก่อนเข้ามารับประทานอาหาร ผู้จัดการร้านจะจัดสรรเวลาและจำนวนพนักงานให้เหมาะสมกับจำนวนลูกค้า วันที่ลูกค้าน้อยจะมีรันเนอร์ทำงานทุกอย่างแค่ 1 คน แต่วันไหนที่มีลูกค้าเยอะ จะใช้รันเนอร์สองคน (ทั้งร้านมีรันเนอร์ทำงานอยู่ทั้งหมดสองคน) คนหนึ่งจะอยู่ที่ pass (จุดที่เชฟจะวางอาหารจากครัว) คอยเช็คความถูกต้องของเมนู ส่วนรันเนอร์อีกคนหนึ่งจะคอยเสิร์ฟอาหารและเช็ดจานหลังร้านตลอดเวลา เพราะจำนวนจานมักจะไม่พอเวลาที่ลูกค้าเยอะ การที่เป็นร้านอาหารฝรั่งทำให้เวลาเสิร์ฟอาหารจะมีขั้นตอนที่ชัดเจนคือ entre อาหารเรียกน้ำย่อย main อาหารจานหลัก และ dessert ของหวาน ซึ่งเวลาเสิร์ฟแต่ละโต๊ะอาหารต้องรันตามลำดับเท่านั้น

การทำงานเป็นพาร์ทไทม์รันเนอร์ของผมจะทำงานเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เป็นหลัก เนื่องจากวีซ่านักเรียน-นักศึกษาที่นิวซีแลนด์มีกฎบังคับว่า สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยตารางงานหลัก ๆ ของผมคือ สิบเอ็ดโมงครึ่งถึงห้าทุ่มในวันเสาร์ และสิบเอ็ดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นในวันอาทิตย์ แต่บางครั้ง ถ้ายังพอมีเวลาว่างเหลืออยู่ ก็จะทำงานในวันศุกร์ตอนเย็นด้วย ทั้งนี้ ความสนใจหลักและหน้าที่ความรับผิดชอบของผม ยังต้องเป็นเรื่องของการเรียน โดยการทำงานเป็นเพียงแค่หาประสบการณ์และหาเงินมาใช้จ่ายบางส่วนเท่านั้น

สำหรับผม การทำงานพาร์ทไทม์พร้อมกับเรียนไปด้วยนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือ เราจะได้ประสบการณ์การทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่น ยิ่งการทำงานเป็นรันเนอร์ ต้องเจอลูกค้าที่แตกต่างกันทุกวัน รวมถึงสภาพแวดล้อมในร้านอาหารที่ทุกอย่างเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา การฝึกงานจึงเป็นไปในรูปแบบของ on the job training หรือการฝึกงานในขณะที่ทำงานไปในตัว ผมโชคดีที่ตอนผมเริ่มทำงาน รันเนอร์อีกคนที่ร้านได้ช่วยสอนทุกอย่างกับผมในขณะที่ทำงาน ทำให้ตอนนี้ผมมีความชำนาญและกล้าตัดสินใจมากขึ้น

ที่นี่เป็นการทำงานพาร์ทไทม์ที่แรกของผม ซึ่งตอนแรก ๆ ก็ยังปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายในร้านไม่ได้ เพราะว่าทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง และทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลา ผมทำผิดพลาดหลายครั้งเมื่อเริ่มงานใหม่ เช่น เสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะ ยังจำรายละเอียดของอาหารทุกจานไม่ค่อยได้ หรือถือจานไม่ดีจนต้องให้เชฟแก้ใหม่ แต่สิ่งพวกนี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ผมได้เรียนรู้และทำให้ต้องปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอด ซึ่งในความคิดของผมก็คงจะส่งผลดีต่อการทำงานในอนาคต

ส่วนข้อเสียหลัก ๆ เลยคือ ผมจะเสียเวลาอ่านหนังสือส่วนหนึ่งไปกับการทำงาน ตัวอย่างที่เกิดผมเองคือในเทอมแรก ผมเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย พอผลการเรียนออกมา เกรดผมอยู่กลาง ๆ แต่พอเทอมสอง มีเหตุการณ์วิกฤติโควิด ทำให้ร้านต้องปิดให้บริการเป็นเวลาสามเดือน ผมจึงมีเวลาในการอ่านหนังสือและทำงานของมหาวิทยาลัยมากขึ้น ผลปรากฏว่าเกรดในเทอมสองของผม ก็ดีขึ้นกว่าเทอมแรกด้วย

ผมอยากจะบอกว่า คนที่จะทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย จำเป็นที่จะต้องมีการบริหารจัดการเวลาที่ดีเพราะนอกเหนือจากการเรียนและการทำงานแล้ว การมาอยู่ต่างประเทศ เราต้องใช้ชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี กีฬา หรือการออกไปเที่ยว เราควรจะมี work life balance ที่ดี โดยผมพยายามเว้นการทำงานในวันอาทิตย์ช่วงเย็นไว้ทำอย่างอื่น เช่น เล่นปิงปอง ไปวิ่งออกกำลังกาย หรือเดินเล่น เป็นต้น

สำหรับที่ผู้สนใจในการทำงานในต่างประเทศ อีกข้อหนึ่งที่ควรคำนึงถึงคือ การเสียภาษี เพราะไม่ว่าเราจะได้เงินเท่าไหร่ ที่นิวซีแลนด์ เมื่อมีรายได้ ก็จำเป็นต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนี้

ผมเชื่อว่า การทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างที่เรียนไปด้วย ทำให้เราได้ประสบการณ์ในการทำงานเบื้องต้นที่ดี นอกจากทำให้เรามีความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่แล้ว เรายังต้องบริหารเวลาให้เป็น และที่สำคัญสำหรับผม ต้องอย่าลืมใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วย…work life balance…

เกี่ยวกับผู้เขียน

ชยุต ปั้นสกุลไชย

นักศึกษาปริญญาตรีที่ The University of Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ หลงรักงานเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวของการเรียนรู้โลกกว้างและการเดินทาง เพื่อพบปะกับผู้คนในหลากหลายวัฒนธรรมและความแตกต่างทางสังคม

คุณอาจจะชอบบทความเหล่านี้